ความชื่นชมยินดีในการสอนเด็กรวี
ขอบพระคุณพระเจ้าที่มีโอกาสได้เขียนคำพยานลงในเว็บของรวีรู้สึกดีใจและอยากแบ่งปันเรื่องราวที่ตัวเองได้มา
ีประสบการณ์
มาในการสอนรวีวารศึกษาที่คริสตจักรสะพานเหลืองตลอด 15 ปี ที่ผ่านมา แต่คงจะไม่เล่าทั้งหมด เดี๋ยวจะยาวเกินไปเอาเป็นว่าจะเล่าสักเรื่องหนึ่งก็พอที่เหลือเก็บไว้เขียนคราวหน้า
ข้อพระคัมภีร์ เริ่มต้นของเรื่องนี้อยู่ใน ฟิลิปปี 1:6
“ข้าพเจ้าแน่ใจว่า พระองค์ผู้ทรงตั้งต้น
การดีไว้ในพวกท่านแล้ว จะทรงกระทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์”
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้รับมอบหมายให้พาเด็ก ชั้นป.6 และ ม.1 ไปยืนแจกใบปลิวพร้อมไข่อยู่หน้าโบสถ์ในวันอีสเตอร์ (เป็นส่วนหนึ่งใรรายการของรวีวันนั้นที่มีการจัดประกาศของเด็กชั้นอื่นๆด้วยโดยมีการเชิญคนข้างนอกเข้ามาดูโดย
การตั้งเวทีใกล้ๆประตูทางเข้า ผมจำปีไม่ค่อยได้แต่รู้ว่ารุ่น ม.1 ที่ผมสอนอยู่มีน้ำหอมลูกของผู้ปกครอง จงจิตร อยู่ด้วย)
เมื่อผมได้รับงานชิ้นนี้ก็รู้สึกกลัว เพราะเคยมีประสบการณ์ที่ออกไปแจกใบปลิวแล้วถูกคนรับปฎิเสธ จนหน้าแตกมาแล้ว
แต่ที่กลัวกว่า คือ กลัวเสียฟอร์มต่อหน้าเด็กๆรวีที่สอนอยู่ แต่ขอบคุณพระเจ้าอย่างน้อย ผมก็มีเวลาเตรียมงานชิ้นนี้เกือบ 2 เดือน
ตลอด 2 เดือนในการเตรียมงานผมแทบจะไม่คิดถึงแผนการณ์การว่าจะทำอะไรก่อนหลัง แต่ผมจะใช้เวลา ให้กับพระเจ้า
โดยการอ่านพระคัมภีร์ และ อธิษฐานทูลขอสติปัญญา เพื่อจะทำงานชิ้นนี้ให้สำเร็จ และจะขอให้ พระองค์เข้ามาดูแลในงานชิ้นนี้ร่วมกับผมด้วย
เพราะ ผมจะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในสิ่งที่ผมคิดไม่ถึง และก็อธิษฐานเผื่อเด็กทุกคนที่จะมีใจกล้าในการแจกใบปลิวในวันนั้น
มีข้อพระคัมภีร์อยู่ 2 ตอนที่มอบให้ผู้อ่าน เผื่อไว้ใช้เป็นข้อหนุนใจในงานรับใช้
ตอนที่1 อยู่ในสุภาษิต 19:21 ส่วนตอนที่ 2 อยู่ในมาระโก 9:14-29 ผมจะไม่เขียนเนื้อหา อยากให้ผู้อ่าน ไปเปิด อ่านเอาเอง(มันยาวครับ)
แต่พอสรุปได้ว่า ถ้าเรารับใช้พระเจ้าอย่าพยายามใช้สติปัญญาตัวเอง แต่ให้พึ่งพระเจ้า โดยการอธิษฐาน
เพราะอย่าลืมว่าเมื่อเรารับใช้ต้องการให้คนกลับใจมารซาตานที่เรามองไม่เห็นนั้นก็ทำงานร่วม กับเรา
โดยพยายามขัดขวางทุกวิธีที่จะไม่ให้คนที่เราเป็นพยานได้รับความรอด
นอกเรื่องไปตั้งไกล กลับมาที่เดิม ตลอด 2 อาทิตย์ก่อนวันประกาศจะมาถึง ผมก็หนุนใจให้เด็กๆ มีภาระใจในการ รับใช้และบอกพวกเขาให้ไปอธิษฐานกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว และสอนเด็กๆ ให้รู้ว่า
พวกเราไม่ได้ทำงานชิ้นนี้ โดยลำพัง แต่มีพระเจ้าสถิตอยู่กับเราด้วย
แล้ววันอีสเตอร์ก็มาถึง ก่อนออกไปแจกใบปลิวก็เรียกเด็กมารวมใจกันอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ฝากงานทั้งหมด ไว้กับพระเจ้า
แล้วก็ออกไปแจกใบปลิวกัน โดยแบ่งเด็กเป็น 2 ทีม ทีมแรก ครูเพ้งนำเด็กผู้ชายไปแจกตาม ซอยข้างๆโบสถ์
ทีมที่2 ผมนำเด็กผู้หญิงยืนแจกอยู่หน้าโบสถ์ แจกไปแจกมา คนที่เดินผ่านมา เอาบ้างไม่เอาบ้าง ของที่จะแจกก็ยังเหลืออีกเยอะ
ผมชักกลัวแล้วซิ ส่วนเด็กก็เริ่มเซ็งเหมือนกัน และแล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น อยู่ๆผมเห็นน้ำหอม เดินตรงไปที่รถแท็กซี่ ที่มาจอดอยู่หน้าโบสถ์เพื่อส่งสมาชิกของเรา แล้วเธอก็ยื่นใบปลิว พร้อมไข่ให้คนขับรถแท็กซี่ ผมก็แปลกใจว่าทำไมน้ำหอมกล้าทำ
เพราะ ผมยังไม่กล้าทำและไม่ได้บอกเด็ก ให้ทำอย่างนี้ด้วย แต่แล้วผมก็เริ่ม ขอบคุณพระเจ้าอยู่ในใจ นี่คือแผนการณ์ของพระเจ้า ณ วินาทีนั้น ผมกระซิบบอกเด็กทุกคนให้ทำอย่าง น้ำหอม เด็กทุกคนกล้าที่จะทำ เพราะมีตัวอย่างให้เห็น แล้วทุกอย่าง ก็เสร็จสมบูรณ์ ใบปลิวพร้อมไข่แจกได้เกือบหมด เด็กๆทุกคนสนุกและมีประสบการณ์ร่วมกัน
พอทุกอย่างจบก็เรียกเด็กมาร่วมกันอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าร่วมกัน ผมยังจำได้ วันนั้นครูสุรัตน์พาสมาชิกท่านหนึ่ง เข้ามาคุยด้วย และบอกกับผมว่าวันนี้ผมเป็นฮีโร่ ตอนแรกผมดีใจที่มีคน
มาชม แต่สุดท้ายผมต้องรีบบอกไปว่า ผมไม่ใช่ฮีโร่แต่เป็นพระเจ้าต่างหาก เพราะถ้าไม่มีพระองค์ งานชิ้นนี้คงจบไม่สวยแน่ ผมขอฝากพระคัมภีร์สัก 1 ข้อ ก่อนจะจบนะครับ ข้อพระคัมภีร์นี้อยู่ใน 1โครินธ์ 1:17 “เพราะว่าพระคริสต์มิได้ทรงใช้ข้าพเจ้าไปเพื่อให้เขารับบัพติสมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ และมิใช่ด้วยชั้นเชิงอันฉลาดในการพูดเกรงว่าเรื่อง กางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์เดช”
ขอบคุณพระเจ้า หวังว่าคงมีโอกาสได้เขียนคำพยานอีก
สมควร
|