พระเจ้าไม่เคยห่างเรา    โดยครูเบิ้ม

             ตอนที่ผมตัดสินใจเรียนพระคัมภีร์ที่ บีไอที ตอนนั้นเป็นอะไรที่กำลังขัดแย้งกับตัวเองมาก เพราะ
ตั้งใจว่าหลังจากปลดประจำการจากการเป็นทหารกองเกิน ก็ตั้งใจว่าจะหางานทำเพื่อจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระ
ให้กับครอบครัว เพราะเป็นลูกชายเพียงคนเดียว น้องสาวก็กำลังเรียนอยู่ส่วนพี่สาวก็ รับใช้พระเจ้าร่วมกับ
ครอบครัวเขา  แต่เมื่อได้รับการทรงเรียก ก็ตัดสินใจมาเรียนพระคัมภีร์ แต่ในใจก็อดเป็นห่วงทางบ้านไม่ได้

                ชีวิตในรั้วพระคริสต์ธรรมก็ยังดำเนินไป แต่ในใจก็ยังห่วงทางบ้าน ใครจะดูพ่อกับแม่ ? น้องจะเอาเงินที่ไหนเรียน ? แล้วหนี้สินที่พ่อแม่ใช้ส่งพวกเราเรียนใครจะรับผิดชอบ ? 

                แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รับข่าวน้องสาวมาถูกรถชนอีก ตอนนั้นผมเองยอมรับว่าใจถอดมาก ใจหนึ่งก็
อยากเดินหน้าต่อไป อีกใจอยากกลับไปที่บ้าน เป็นหลักให้กับครอบครัว คืนนั้น อธิษฐานเกือบทั้งคืน ร้องไห้
จนตาบวม เพราะทำอะไรไม่ถูกเลย จนตอนเช้าก็ยังไม่หาย กินข้าวเช้าต้องแอบตักไปกินข้าวหลังห้องน้ำ
และร้องไห้ไปด้วย ทุกวันช่วงเที่ยงจะมีนมัสการพระเจ้า ในวันนั้นก่อนเข้าห้องนมัสการ คิดในใจว่าจะร่วม
นมัสการเป็นครั้งสุดท้ายกับเหล่าว่าที่อาจารย์ทั้งหลายแล้วค่อยเก็บกระเป๋าตอนเย็นไปหมอชิต ในวันนั้น
ผมถูกพระเจ้า สอนอย่างจัง วันนั้น รุ่นพี่ (อ.รัชนีกร  พาชื่น)เทศนาจากพระคัมภีร์  ลูกา 9:62พระเยซูตรัสกับเขาว่า ผู้ใดเอามือจับคันไถแล้ว หันหน้ากลับเสีย ผู้นั้นก็ไม่สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า”

        ในขณะที่เรากำลังคิดว่าเราถูกทิ้ง ในขณะที่เรารู้สึกว่าเราเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ พระเจ้าไปไหน วันนั้น ที่ผมร้องไห้ทั้งคืน ที่ผมสงสัยในการที่พระเจ้าเรียกผมแล้วทำไมอะไรมันเลวร้าย ในขณะที่ผมถอดใจ  ตอนนั้นผมได้รู้แล้วว่าทุกวินาที พระเจ้ามองผมอยู่  และพระองค์พูดกับผมตรงๆ  คือในขณะที่ผมตัดสินใจอะไรไป พระเจ้าสามารถใช้คนของพระองค์พูดกับผมให้ได้รับคำตอบ

        ในบ่ายวันนั้นผมจึงตัดสินใจ สู้ต่อ แต่ครั้งนี้ ผมไม่มีความสงสัย ไม่มีการร้องไห้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก
(ยกเว้นตอนถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องตอนปี 3 อิอิ  )เพราะผมมีความมั่นใจในพระเจ้าผู้เรียกผมไปเรียนพระคัมภีร์

 

              

Back