สัมนา “การแปลพระคัมภีร์” วันที่ 13 มิถุนายน 2009 เวลา 8:30 – 16.00 น. ณ CCT กรุงเทพฯ

หัวข้อในการสัมนาครั้งนี้ประกอบด้วย

  1. วิวัฒนาการการแปลพระคัมภีร์ไทย  โดยอ.ทองหล่อ วงศ์กำชัย
  2. ปรัชญาการแปลและคำเปรียบเทียบ โดย Dr. Annie del Corro
  3. พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ “คิงเจมส์” โดย Dr. Stephen Pattemore
  4. การแปลคำต่างๆ ที่มีความหมายมากกว่าหนึ่งความหมาย และคำต่างๆ ที่มีรูปที่เหมือนกันและเสียงเหมือนกัน แต่มีความหมายที่แตกต่างกัน  โดย Dr. Joseph Hong
  5. วิวัฒนาการของภาษา โดย อ.ปัญญา โชชัยชาญ
  6. คุณสมบัติของผู้แปลพระคัมภีร์และการเตรียมตัวเป็นผู้แปลในอนาคต โดย ศจ.ดร.เสรี หล่อกัณภัย

วิวัฒนาการการแปลพระคัมภีร์ไทย  โดยอ.ทองหล่อ วงศ์กำชัย

  1. วิวัฒนาการการแปลพระคัมภีร์ไทย
    1. ยุคก่อนการแปลพระคัมภีร์ไทย
    2. การแปลเอกสารคำสอนครั้งแรกในไทย คศ. 1662 โดยนิกายโรมันคาธอลิค สมัยพระนารายณ์ ต้นฉบับเก็บอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส

1.2 การแปลพระคัมภีร์ไทยครั้งแรก คศ. 1819 นางแอนนา จัดสันอยู่กับคนงานไทยในพม่า เริ่มจากแปลบทเรียนพิมพ์ที่ประเทศอินเดีย

    1. การแปลพระคัมภีร์ไทยของนิกายโปรแตสแตนท์
    2. ศตวรรษที่ 19 ยุคแห่งการแปลพระคัมภีร์
      1. NT
          1. คศ. 1834 พิมพ์ลูกา  ที่ประเทศสิงค์โปร์ โดยดร. คาร์ล กู๊ดสลาฟ และศจ.จาคอบ ทอมลินท์
          2. คศ. 1843 พิมพ์ NT โดยคณะอเมริกันแบ็บติสต์
          3. คศ. 1842 พิมพ์กิตติคุณทั้งสี่ในประเทศไทย
          4. คศ.1850 แปลกิตติคุณ โดยคณะเพรสไบทีเรียนพิมพ์ที่ประเทศสหรัฐ
          5. คศ. 1850 แก้ไขและจัดพิมพ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมอเมริกา ที่ประเทศไทย
      2. OT
          1. คศ. 1883 สมาคมพระคริสต์ธรรมอเมริกาและคณะมิชชั่นทำงานแปลเสร็จเริ่มแปลเมื่อ คศ. 1860
          2. คศ. 1889 ตั้งสำนักงานสมาคมพระคริสต์ธรรมในประเทศไทย
    1. ศตวรรษที่ 20 ยุคแห่งการแก้ไขคำแปล
      1. ครั้งที่ 1 พิมพ์เสร็จในคศ. 1940  เริ่มเมื่อ คศ. 1920
      2. ครั้งที่ 2 พิมพ์เสร็จในคศ. 1971 เริ่มเมื่อคศ. 1954 และฉบับประชานิยม พิมพ์เสร็จในคศ. 1984 เริ่มเมื่อคศ. 1963
      3. พิมพ์เสร็จครั้งที่ 3 ในคศ. 2002  เริ่มเมื่อคศ.1997
  1. เหตุผลของการแปลพระคัมภีร์หลายฉบับและการแก้ไขคำแปล
    1. การแปลหลายฉบับ
      1. ขาดการประสานงานร่วมมือกัน
      2. ความคิดเห็นในแนวศาสนศาสตร์ที่ไม่ตรงกัน
      3. เป้าหมายและหลักการแปลที่แตกต่างกัน
    2. การแก้ไขคำแปล
      1. การเปลี่ยนแปลงของภาษาไทยที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
      2. มีการแปลที่ไม่ถูกต้อง
      3. มีการแปลที่ไม่ชัดเจนและอ่านเข้าใจยาก
      4. ลักษณะของกลุ่มผู้อ่านที่เปลี่ยนแปลงไป

ปรัชญาการแปลและคำเปรียบเทียบ โดย ดร.แอนิเซีย เดล โครโร

  1. ปรัชญาและศาสนศาสตร์ของการแปล
    1. ด้านปรัชญา-มนุษย์ต้องสัมพันธ์กับผู้อื่น เมื่อมนุษย์ใช้ภาษาที่ต่างกัน การแปลจึงเป็นสิ่งจำเป็น
    2. ด้านศาสนศาสตร์-พระเจ้ามีพระประสงค์ให้เราเข้าใจพระองค์และเพราะพระวจนะได้มีอยู่ในภาษาต่างชาติคือ ฮีบรูและกรีก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีการแปลพระวจนะของพระเจ้าให้เป็นภาษาที่คนชาติอื่นๆ เข้าใจได้
  2. ทฤษฎีว่าด้วยระบบการสื่อสาร
    1. มนุษย์ใช้ประโยชน์จากระบบที่มีอยู่เพื่อแยกแยะ กำหนดสิ่งต่างๆ เพื่อเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้
    2. ระบบได้กำหนดเป็นเครือข่ายของสิ่งที่มีปฎิกิริยาต่อกันอย่างสัมพันธ์กัน โดยมีการจัดให้เป็นระเบียบตามกฎเกณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับกัน
    3. ความคิดเกี่ยวกับวัตถุสิ่งของเป็นหลักเกณฑ์พื้นฐานของทฤษฎีนี้
  3. หลักการการแปลข้อความที่เป็นสำนวนให้เกิดความเข้าใจ พื้นฐานของระบบ
    1. ให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง คือ แต่ละคนจะเข้าใจโลกของเขาตามที่ร่างกายของเขาถูกสร้างขึ้นมา และตามอย่างการทำงานของเขา เช่น ข้าวตั้งท้อง นาฬิกาตาย อสย.66:8 แผ่นดินจะเกิดในวันเดียวหรือ
    2. อวัยวะต่างๆ ในร่างกายเป็นระบบพื้นฐานในการแยกแยะส่สนต่างๆ ของวัตถุหรือเหตุการณ์ เช่น ขาเก้าอี้ หัวตะปู ตีนเขา 1คร.11:3 พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของชายทุกคน
    3. ระบบประสาทสัมผัสต่างๆ เป็นคำที่ใช้อธิบายเช่น การมองเห็น ความตั้งใจ โยบ.20:12 แม้ว่าความอธรรมจะหวานในปากของเขา
  4. ข้อสรุปที่น่าสนใจจากการวิเคราะห์คำศัพท์ที่สื่อออกมาภายใต้ระบบประสาทสัมผัส
    1. คุณภาพทางศีลธรรมแยกเป็นกลุ่มสีหรือความเข้มของความสว่าง เช่น แม้บาปจะแดงก่ำ....ขาวอย่างหิมะ
    2. ความซับซ้อนเปรียบเทียบด้วยความลึก เช่น 1คร.2:10 พระวิญญาณหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้ความลึกของพระเจ้า
    3. สิ่งที่คุ้นเคยกับระยะทาง เช่น โยบ.19:13 พระองค์ทรงให้พี่น้องของข้าห่างไกล
    4. ความชอบธรรมกับเส้นตรง เช่น  สดด.5:8 ทำทางซึ่งข้าพระองค์เดินนั้นให้ตรง
    5. ความพอใจกับพื้นผิว เช่น สดด. 30:10 จงพูดสิ่งที่นุ่มนวลแก่เรา
    6. ความเครียดกับน้ำหนัก เช่น สดด. พระหัตถ์ของพระองค์หนัก อยู่บนข้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน
    7. ความสำคัญกับขนาด เช่น กดว.16:13 เป็นการเล็กน้อยอยู่หรือที่ท่านนำ
    8. ความเสื่อมกับการตกระดับลง เช่น สภษ.11:14 ที่ไหนไม่มีการนำ ที่นั่นประชาชนก็ล้มลง
  5. ระบบอื่นๆ
    1. ชีวิตของพืช เช่น สภษ.12:12 แต่รากของคนชอบธรรมตั้งมั่นคงอยู่
    2. ระบบครอบครัว เช่น ยรม.31:9 เพราะเราเป็นบิดาแก่อิสราเอล
    3. วงจรรอบวัน เช่น ฉธบ. 29:24  พระพิโรธอันร้อนแรง

พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ “ คิงเจมส์” โดยดร.สตีเฟ่น แพทมอร์

  1. เบื้องหลังพระคัมภีร์บับ “คิงเจมส์”
    1. ประวัติการแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาอังกฤษ
      1. เริ่มจากศต.ที่ 7 มีภาษษอังกฤษเขียนแทรกระหว่างบรรทัด สมัยก่อนการรุกราน “นอร์มัน”คศ.1066 ถูกเปลี่ยนภาษาอังกฤษเป็นภาษาฝรั่งเศส
      2. จอห์น วิกคลิฟ 1330-1384 แปลตรงตัวจากภาษาลาตินฉบับวอเกต
    2. ยุคฟื้ฟูศิลปะและวิทยาการ
      1. คศ. 1450 เกิดแท่นพิมพ์ กูส เซ็นเบอร์ด โยฮัน
      2. คศ. 1455 พิมพ์ พระคัมภีร์ ครั้งแรก
      3. คศ. 1488 พิมพ์ พระคัมภีร์ ภาษาฮีบรู เอราสมุส รวบรวม พระคัมภีร์ ภาษากรีก
      4. คศ. 1516 พิมพ์ พระคัมภีร์ ภาษากรีก สตาฟานุสแก้ไขกรีกของเอราสมุส
    3. การปฎิรูปศาสนา “โปรแตสแตนท์” โดยมาร์ติน ลูเธอร์
      1. คศ. 1517  ท้าทายอำนาจสันตะปาปา
      2. คศ. 1521 ถูกอเปหิจากคาธอลิก
      3. คศ. 1522 พิมพ์ พระคัมภีร์ ภาษาเยอรมัน
      4. คศ. 1534 พิมพ์ พระคัมภีร์ ทั้งเล่มเป็นภาษาพื้นๆ
    4. ประวัติประเทศอังกฤษในศตวรรษที่ 16-17 กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 (1509-1547) ตั้ง Church of England ไม่ขึ้นกับพระสันตะปาปา
    5. วิลเลี่ยม ทินเดลและพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษ หนีกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ไปฮอลแลนด์
      1. คศ. 1526 ได้พิมพ์ พระคัมภีร์ เป็นภาษาอังกฤษ โดยอาศัยภาษากรีกของเอราสมุสตั้งแต่คศ.1519
      2. คศ. 1530 แปลเบญจบรรณ
      3. คศ. 1535 มี พระคัมภีร์ ทั้งเล่ม
      4. คศ. 1537 แก้ไขมัทธิว
      5. คศ. 1539 พิมพ์ พระคัมภีร์ เล่มใหญ่ถือคนเดียวไม่ได้ แจกโบสถ์ละหนึ่งเล่ม
  2. พระคัมภีร์ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 16
    1. คศ. 1560 ฉบับเจนีวาแปลโดยคณะกรรมการได้รับการยอมรับมาก
    2. คศ. 1568 ฉบับบิชอบแก้ไขเป็นทางการ
  3. ขั้นตอนการแก้ไข ให้สร้างฉบับคิงเจมส์
    1. คศ. 1604 กษัตริย์เจมส์เรียกประชุมแบ่งกรรมการ 6 คณะประกอบด้วย 47 คน พิมพ์ 40 เล่มไม่เย็บปก เพื่อให้เขียนแก้ไขบนข้างกระดาษได้ แลกเปลี่ยนระหว่างคณะดูภาษากัน
    2. คศ. 1608 ทุกกรรมการทำเสร็จ
    3. คศ. 1609 ตรวจทาน
    4. คศ. 1611 จัดพิมพ์ครั้งแรก
  4. หลักการแปลพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์  
    1. เป็นการแก้ไขปรับปรุงมากกว่าการแปลใหม่
    2. ยอมรับว่า ทำไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง แต่ยังอ้างตัวว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า
    3. ยืนยันว่าการตรวจและเปรียบเทียบการแปลแต่ก่อน เพื่อทำให้ดีขึ้นเป็นวิธีที่ดี
    4. ทำด้วยคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชื่ยวชาญมากพอสมควร
    5. อาศัยต้นฉบับทั้งภาษาฮีบรูและกรีก
    6. ใช้เวลาในการตรวจซ้ำแล้วซ้ำอีก
    7. ยอมรับว่าความรู้เกี่ยวกับภาษาเดิมและสภาวะแวดล้อมเดิมมีขอบเขตจำกัด เลยใช้คำอธิบายที่ขอบของหน้ากระดาษ
    8. ติดตามความหมายของคำในบริบทและความสละสลวยของภาษา ไม่บังคับให้ทุกคำในภาษาเดิมต้องแปลเป็นคำเดียวในภาษาอังกฤษ
    9. หลีกเลี่ยงการใช้ทั้งคำใหม่ๆ และคำเก่าๆ
    10. อื่นๆ เช่น ทุกบทมีคำนำ  ทุกข้อมีย่อหน้าใหม่  จบเล่มเขียนอธิบาย ใช้คำอธิบายที่ขอบกระดาษ หากเพิ่มจากกรีกจะทำตัวงเล็ก
  5. หลังจากพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์
    1. การแก้ไขในคศ. 1769 เนื่องจากภาษาค่อนข้างล้าสมัย แปลโดยไวยากรณ์ของภาษาเดิม  ผู้แปลไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นเงิน แต่ได้รับตำแหน่งเป็นการสนับสนุน 50 ปีต่อมาได้รับการใช้มากกว่าฉบับเจนีวา
    2. การแก้ไขในคศ. 1885 ภาษามีการเปลี่ยนแปลง รักษาสำนวนของคิงเจมส์ไว้ อาศัยสำเนาเก่า แบ่งย่อหน้า แปลตามตัวอักษร
    3. พระคัมภีร์ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 20
      1. คศ. 1901 ASV
      2. คศ. 1952 RSV
      3. คศ. 1970 NASD
      4. คศ. 1982 NKJV
      5. คศ. 1989 NSSV
      6. คศ. 2000 ESV

การแปลคำต่างๆ ที่มีความหมายมากกว่าหนึ่งความหมาย และคำต่างๆ ที่มีรูปที่เหมือนกันและเสียงเหมือนกัน แต่มีความหมายที่แตกต่างกัน โดย ดร.โยเซฟ ฮอง

  1. Polysemy หมายถึงคำที่มีความหมายหลายอย่าง
  2.  และไม่มีภาษาคู่ใด่ที่มีวิธีการวิเคราะห์ สังเกตที่เหมือนกันให้ค่ากำหนดที่เหมือนกัน ทำให้การแปลเป็นงานที่กังวลใจ
  3. นิยามความเชื่อและความศรัทธาใน NT แปลออกมาได้ยาก
  4. ตัวอย่างใน NT
    1. คำว่า “Adelphos” (อเดลฟอส) แปลได้ว่า พี่น้อง, พี่น้องในความเชื่อ, เพื่อนร่วมชาติ, เพื่อนบ้าน
    2. คำว่า “Sarx” (ซาร์ก) แปลได้ว่า ร่างกายที่เกิดจากพ่อแม่, ความอ่อนแอของเนื้อหนังที่ทำให้มนุษย์ทำบาป, เพื่อนร่วมชาติ, เนื้อสำหรับเป็นอาหาร
    3. คำว่า “Dikaiosune” (ดีไคยโอซูนี) Righteousness แตกต่างกันเล็กน้อยหลายๆ ความหมาย
    4. คำว่า “Pneuma” (นิวมา) แปลได้ว่า วิญญาณหรือจิตใจ, ลมหายใจ, ลม  ชีวิต, ผี
  5. ตัวอย่างใน OT
    1. คำว่า “Yad” (ยาด) แปลได้ว่า มือ, ข้าง, อนุสาวรีย์หรือเสา,  อวัยวะสืบพันธุ์ของมนุษย์, กำลังหรืออำนาจ, ควบคุมหรือสิทธิอำนาจ, ฤทธานุภาพในการช่วยกู้ของพระเจ้า, อำนาจในการลงโทษของพระเจ้า, การพิพากษาของพระเจ้าที่มอบไว้ในมือของศัตรู,
    2. คำกิริยาว่า “yada” (ยาดา) แปลได้ว่า รู้จักและมีความรู้ , การมีสัมพันธ์ทางเพศ
    3. การแปลประโยคที่มีการเล่นคำ การสัมผัส เช่น อพย. 24:21-22, อมส.8:2
    4. การแปลคำที่มีเสียงเหมือนกันไปยังภาษาที่สอง เช่น 1ซมอ.15:22

วิวัฒนาการของภาษา โดย อ.ปัญญา โชชัยชาญ

  1. การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแปลและการแก้ไขคำแปล
    1. กระบวนการแปลจาก Bible Manuscript-Source Language ไป Thai Bible – Receptor’language
    2. กระบวนการแก้ไข TB ไป RTB (Revised)

อ่านตรวจทานกับ BM และเปรียบเทียบอื่นๆ เช่น NRS, NIV, Other Standard Version แก้ไขสำนวนภาษาให้ตรงกับภาษาโบราณ
Draft 1 ไป Cross-checker(1) ไป Revise Committee(24) ไป
Draft 2 ไป UBS Consultant(1) ที่ปรึกษาสมาคม 
Draft 3 ไป Stylists (5) นักลีลาภาษา ไป Reviser ไป
Draft 4 ไป Type setter (1) จัดเรียงพิมพ์ ไป Reviser ไป
Final Draft ไป Revise(1) อ่านตรวจทานอีกรอบเพื่อความถูกต้อง ไป
Pre Publication Draft ไป RTB

  1. ปัญหาและอุปสรรคในการแปล
    1. Pronoun เรา , ท่าน เอกพจน์บุรุษที่ 1 บุรุษที่ 2 เอกพจน์
    2. คำราชาศัพท์ กิริยาราชาศัพท์ถ้ามีอยู่แล้ว ต้องไม่ใช้ทรง  บางครั้งใช้ราชาศัพท์ไม่ได้
    3. ความหมายไม่ชัดเจน
      1. คำศัพท์ปรากฎครั้งเดียว สภษ.29:21
      2. คำศัพท์ไม่เข้าบริบท สดด.22:29
      3. ความไม่ชัดเจนในการทำหน้าที่ของคำในประโยค สดด.127:2
      4. ความไม่ชัดเจนเมื่อแปลตามตัวอักษร สภษ.21:28

คุณสมบัติของผู้แปลพระคัมภีร์และการเตรียมตัวเป็นผู้แปลในอนาคต โดย ศจ.ดร.เสรี หล่อกัณภัย

    1. ต้องเป็นคนมีวิธีคิดที่ยืดหยุ่น
    2. เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
    3. เป็นนักสื่อสารที่ดี ทำสิ่งยากให้เป็นเรื่องง่าย ตีความถูกต้อง กระชับ เข้าใจศัพท์ของภาษาเดิม แต่คำนึงถึงผู้รับสารในภาษาปัจจุบัน  ทำให้เกิดความชัดเจนไม่กำกวม
    4. สามารถทำงานเป็นทีม ในขณะเดียวก็ทำงานตามลำพังได้
    5. ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และยินดีทำงานซ้ำหลายครั้ง
    6. จบโทหรือเอกทางพระคริตสธรรมคัมภีร์
    7. มีความรู้ภาษาไทย อังกฤษ กรีก และฮีบรู
        • สมัครเข้าเรียนปริญญาโทในโรงเรียนที่มีการสอนภาษากรีกและภาษาฮีบรู
        • สามารถสอบ  TOEFL ได้คะแนนระดับสูง
        • ฝึกอ่านพระคัมภีร์อังกฤษ Version ต่างๆ
        • อาสาสมัครร่วมอ่านทานการยกร่างคำแปลกับสมาคม
        • เข้าร่วมสัมนาเกี่ยวกับพระคัมภีร์ในโอกาสต่างๆ
        • อ่านบทความทางวิชาการให้มากขึ้น
        • หัดแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
        • หาคนสนับสนุนทั้งด้านการเงินและการอธิษฐาน                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                             Back